วันพุธที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2552

แก๋งมะค้อนก้อม

วันนี้แม่เฮือนมาแนะนำ แก๋งมะค้อนก้อม (แกงมะรุม) แบบทางเหนือนะเจ้า แกงนี้แม่เฮือนชอบมาก ชวนให้นึกถึงสมัยเด็กช่วยอิแม่ของแม่เฮือนเป็นลูกมือทำอาหารเหนือตั้งแต่เด็กๆ ยิ่งแกงนี้ทานกับข้าวเหนียวร้อนๆซ๊ดน้ำแกง โหอร่อย มากเลยคะ สำหรับท่านที่ อยากลองทำทานลองเลยคะ อร่อย มาดูหน้าตา แก๋งมะค้อนก้อมก่อนนะจ๊ะ



ส่วนประกอบ

-กะดูกหมู หรือ ซี่โครงหมู
-มะรุม 5 ฝัก
-มะเขือเทศลูกเล็ก ซัก 4-5 ลูก(ผ่าครึ่ง)
-ชะอม 1กำ เอาแต่ยอดใบอ่อน
-ถั่วฝักยาว 5 ฝัก
-น้ำเปล่า 1 ถ้วย

ส่วนเครื่องพริกแกง

-กระเทียม 4-5 หัว
-หัวหอมแดง 4-5 หัว
-ปลาร้าสับไม่เอาก้างคะ( 1 ชต. หรือ ครึ่ง ชต.ไม่ได้ถ่าย มาใส่ตอนหลังคะ)ขออภัย
-พริกขี้หนูแห้ง 20-30 เม็ด (ถ้าเม็ดใหญ่)15 เม็ด ถ้าใครชอบเผ็ด น้อย เผ็ดมาก แล้วแต่นะคะ
-กะปิ แกง 1 ชต.



เรามาต้มน้ำให้เดือด น้ำเดือดแล้วเอากะดูกหมู หรือซี่โครงหมูลงเลยคะ แล้วปล่อยไว้ก่อนคะ
ตอนนี้เราก็มาโขลกพริกแกงก่อนนะคะ
น้ำเดือดได้ที่แล้ว เอามะรุม ลงใส่ในหม้อเลยนะคะ ทิ้งไว้5นาที
จากนั้นเอา พริกแกงที่โขลกเมื่อกี้ลงตามคะ
แล้วก็เอา ถั่วฝักยาวที่หั่นเป็นท่อน กับมะเขือเทศเล็กผ่าครึ่งลงตามคะ
ทิ้งให้เดือดรอทุกอย่างสุก ซักแป๊บ
แล้วปรุงรสด้วยน้ำปลาคะ ชิมดูใครชอบอย่างไหง๋เอาตามนั้นจ้า
แล้วเอาผักชะอมลงเลยแล้วปิดแก๊สจ้า(ปรุงรสตามใจชอบ)
อ้าวเสร็จแล้วจ้า ได้มาแล้วอูยอร่อยมากเลยคะลองดูนะคะ แล้วเจอกันใหม่เจ้า สวัสดีเจ้า





ที่มา : Forword Mail

วันอังคารที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2552

หมกกุ้งแม่น้ำ



หมกกุ้งแม่น้ำ


ส่วนผสม (สำหรับ 3 ที่)
  • กุ้งแม่น้ำ 6 ตัว
  • เนื้อกุ้งขาวเกษตรบดละเอียด 1 ถ้วย
  • ใบมะกรูดซอย 5 ใบ
  • กะหล่ำปลีซอย 1 ถ้วย
  • ใบแมงลัก 1/2 ถ้วย
  • น้ำปลาร้า 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
  • ผักชีลาว สำหรับตกแต่ง
  • น้ำปลาสำหรับปรุงรส
  • ใบตองและไม้กลัด สำหรับห่อ
ส่วนผสมพริกแกง
  • พริกแห้งเม็ดใหญ่ 3 เม็ด
  • พริกขี้หนูสด 3-5 เม็ด
  • ตะไคร้ซอย 4 ต้น
  • หอมเล็กซอย 7 หัว
  • เกลือ ½ ช้อนชา
วิธีทำ
  1. ตำ พริกแห้ง ตะไคร้ กับเกลือจนละเอียด ใส่หอมเล็ก พริกขี้หนูตำพอแหลกใส่เนื้อกุ้ง ใบมะกรูดซอย และน้ำปลาร้าผสมให้เข้ากัน (แบ่งใส่ไมโครเวฟชิมรสถ้าอ่อนเค็มเติมน้ำปลาตามชอบ )พักไว้
  2. ปอกเปลือกกุ้งให้เหลือหัวหาง ผ่าหลังกุ้งดึงเส้นดำออก บั้งท้องกุ้งเพื่อเวลาสุกกุ้งจะได้ตัวตรงสวย พักไว้
  3. ฉีกใบตองเป็นสี่เหลี่ยมกะขนาดให้เมื่อวางกุ้งแล้วยัง มีส่วนหัวและหางโผล่ออกมา และฉีกใบตองเป็นเส้นยาวสำหรับคาดกลาง เตรียมไว้
  4. วาง กะหล่ำปลีซอยและใบแมงลักบนใบตอง วางตัวกุ้งตักส่วนผสมเนื้อกุ้งที่เตรียมไว้พอกให้ทั่ วตัวกุ้ง คาดด้วยใบตองกลัดให้สวยงาม นำไปนึ่งในซึ้งที่น้ำเดือดพล่านนานประมาณ 10 นาที หรือจนกว่าจะสุก กินกับข้าวเหนียวร้อนๆ และผักสดตามชอบ

พล่าปลา


ภาพประกอบทางอินเตอร์เน็ต

เครื่องปรุง

เนื้อปลากะพงขาว น้ำหนัก 70 กรัม 2 ชิ้น
พริกขี้หนูซอย 1 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมซอย 2 ช้อนโต๊ะ
ตะไคร้ซอย 3 ช้อนโต๊ะ
ใบมะกรูดซอย 1 ช้อนโต๊ะ
รากผักชีหั่น 1 ช้อนโต๊ะ
พริกไทยดำ 1 ช้อนชา
สะระแหน่เด็ดเป็นช่อ 2 ช่อ
เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนชา
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ


วิธีทำ

1. ล้างเนื้อปลา ซับน้ำให้แห้ง โขลกพริกไทยดำ รากผักชี เกลือเข้าด้วยกัน
2. เคล้าเนื้อปลากับเครื่องที่โขลกในข้อ 1 พอทั่ว หมักนานประมาณ 30 นาที จัดใส่จาน นึ่งในน้ำเดือด ไฟแรงจนสุก
3. ผสมน้ำปลา น้ำมะนาว น้ำตาล ตะไคร้ พริกขี้หนู กระเทียม ใบมะกรูดเข้าด้วยกัน ราดบนเนื้อปลานึ่ง โรยสะระแหน่ เสิร์ฟ

ไข่เจียวหอยนางรม

ภาพประกอบทางอินเตอร์เน็ต

เครื่องปรุง

ไข่ไก่ 3 ฟอง
หอยนางรม 20 ตัว
หอมแดงซอย 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา
นำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

ต่อย ไข่ใส่ถ้วยตีให้ขึ้น ใส่หอยนางรม หอมซอย นำปลา ยกกระทะตั้งไฟ ใส่น้ำมันพืช พอน้ำมันร้อน ใส่ไข่ผสมหอยนางรม ลดทอดจนไข่สุกเหลือง ตักใส่จาน

วันพุธที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ส้มตำยอดมะพร้าว



ส่วนผสม

ยอดมะพร้าว
น้ำตาลปีบ
น้ำปลา
น้ำมะนาว
กุ้งแห้ง
ถั่วลิสงคั่ว
พริกขี้หนู
มะเขือเทศฝานเป็นชิ้น ๆ

วิธีทำ

นำยอดมะพร้าวมาหั่นให้เป็นเส้น ๆ จากนั้นนำไปแช่น้ำแข็งทิ้งไว้จนกว่าจะรับประทาน

เมื่อ จะรับประทาน จึงทำน้ำปรุงรส โดยละลายน้ำตาลปีบ น้ำปลาและน้ำมะนาว คนให้เข้ากัน ชิมดูให้ได้ 3 รส จากนั้นจึงใส่กุ้งแห้ง ถั่วลิสงบุบพอแตก และ พริกขี้หนูบุบพอแตกลงไป คนให้เข้ากันอีกครั้ง

นำยอดมะพร้าว อ่อนที่แช่น้ำแข็งไว้ ใส่ชามผสม ใส่น้ำปรุงรสที่เตรียมไว้ลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากัน ก่อนตักใส่จานเสิร์ฟก็ใส่มะเขือเทศฝานเป็นชิ้น ๆ ลงไปเคล้าให้เข้ากัน เสิร์ฟพร้อมผักสด

ของอร่อยวงเวียนใหญ่ ทับทิมกรอบและหมูปิ้ง

คอลัมน์ ตามรอยพ่อไปชิม

โดย ปิ่นโตเถาเล็ก




ปิ่นโตเถาเล็กขอพาบรรดาแฟนๆ ไปเยือนถิ่นเก่าด้านฝั่งธนบุรีที่ "วงเวียนใหญ่" ขึ้นชื่อย่านเก่า ย่อมต้องมีผู้คนมาปักหลักอาศัยอยู่เป็นเวลาช้านาน เป็นธรรมดาที่จะมีของอร่อยให้ลิ้มลองเพียบ วันนี้จึงแนะนำขนมและของกินเล่นควบคู่กันไปในคราวเดียวเสียเลย

ขอเปิดฉากด้วยเจ้าขนมน้ำกะทิน้ำแข็งใส ซึ่งขึ้นชื่อโด่งดังในย่านนี้มานานนับ 31 ปี ถึงขนาดตั้งชื่อร้านตรงตัวว่า "ทับทิมกรอบ" ซะเลย

ร้านนี้เพื่อนสนิทของข้าพเจ้า เขามีความหลังครั้งยังเป็นนักเรียนใส่ขาสั้น เวลาปิ่นโตเถาเล็กข้ามฝั่งไปเที่ยวบ้านเพื่อนพวกนี้ เจ้าเต๊ะเจ้าเก่งยังเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่พามาชิมทับทิมกรอบอีกด้วย ความลับมีอยู่ว่านอกจากความอร่อยแล้ว ยังขึ้นชื่อเรื่องความจิ้มลิ้มพริ้มเพราของลูกหลานอีกต่างหาก แฮ่ม แต่ตอนนี้เจ้าตัวเขาย้ายนิวาสสถานไปอยู่เมืองนอกแล้วนะจ๊ะ

ร้านทับทิมกรอบอยู่ "ริมถนนลาดหญ้า ใกล้กับ ซอยลาดหญ้า 2" เยื้องกับห้างโรบินสัน ถนนลาดหญ้า ใกล้กับวงเวียนใหญ่ ข้างหน้าร้านตั้งตู้ขนม เห็นทับทิมกรอบสีชมพูอมส้มในชามแก้วใบยักษ์ดูน่ากิน กระตุ้นต่อมความอยากได้ชะงัด

ทับทิมกรอบเจ้านี้เขาปั้นกันวันต่อวัน ช่วงเช้าก่อนเปิดร้าน ตัวแป้งนุ่มอร่อยไม่เหนียวหนึบจนเกินไป ส่วนไส้ในที่เป็นแห้วนั้นกรอบอร่อยเสียจริงๆ และเป็นอย่างนี้ทุกเม็ดด้วย น้ำกะทิหอมมันแต่ไม่มันจนเลี่ยน เคี้ยวน้ำแข็งใสตามเข้าไปหอมเย็นชื่นใจ



ของโปรดในถ้วยอีกอย่างคือ "มะพร้าวแก้ว" ที่เลือกใช้มะพร้าวกะทิจากทางใต้เอามาเชื่อมให้ออกมาใสๆ มีความหอมมันเป็นอย่างยิ่ง และยังมี "แห้วเชื่อม" ที่คัดแต่แห้วแก่มาทำ กรอบอร่อยเสียจริง สนนราคาทับทิมกรอบถ้วยละ 20 บาท (พิเศษ 30 บาท) ไม่ว่าจะเลือกใส่แห้วเชื่อมหรือมะพร้าวแก้ว หรือทั้ง 2 อย่างก็คิดเท่ากัน ยกเว้นมะพร้าวแก้วล้วนอย่างเดียวคิด 30 บาท นอกจากนี้ยังมีซ่าหริ่มขายด้วยคิดถ้วยละ 20 บาท แต่ถ้าผสมกับทับทิมกรอบหรือเครื่องอื่นๆ จะคิดเพิ่มเป็น 30 บาท

และถ้าบรรดาแฟนๆ มีนิสัยชอบตื่นแต่เช้า ยิ่งดีใหญ่ ให้มาที่ "ซอยลาดหญ้า 2" (จะขึ้นรถไฟฟ้าบีทีเอสข้ามฝั่งธนฯไปลงที่วงเวียนใหญ่แล้วต่อรถตุ๊กๆ มาก็สะดวกดี) ในซอยนี้มีเจ้า "หมูปิ้งรถเข็น" (ไม่มีป้ายชื่อ) ที่ความนุ่มหอมมันของหมูปิ้งนั้นอร่อยเด็ดขาดเกินความคาดหมาย

เข้าจากปากซอยด้านถนนลาดหญ้าเพียงไม่ถึง 100 เมตร ก็จะเห็นรถเข็นของ "แม่สุนีย์" อยู่ริมซอยหน้าสินชัยเกรทเฮาส์ เคียงคู่กับร้านโจ๊กรถเข็น แต่ถ้าเข้าอีกด้านจากถนนเจริญรัถ ซอยนี้จะเปลี่ยนชื่อเป็น "เจริญรัถ 1" ซึ่งเป็นซอยรถเดินทางเดียวไปออกปากซอยลาดหญ้า 2



เดิมแม่สุนีย์มีอาชีพขายผ้าอยู่ที่ตลาดนัดสนามหลวง จากนั้นจึงหันมาขายหมูปิ้งตั้งแต่ปี 2533 จนกระทั่งบัดนาว ทุกๆ วันแม่สุนีย์จะเข็นรถออกขายเช้าตรู่ตอนหกโมงเช้าไปจนถึงสายๆ เวลา 10 โมง แต่ถ้าวันไหนขายดีเอามากๆ เพียง 8โมงครึ่ง หรือ 9 โมง ก็หมดเกลี้ยงแล้ว ทางที่ดีให้แวะมาชิมก่อนเคารพธงชาติเป็นดีที่สุด

หน้าตาหมูปิ้งไม่ได้เป็นแบนๆ ยาวๆ อย่างที่เห็นทั่วไป แต่เป็นหมูปิ้งเสียบไม้ก้อนอวบอ้วนกลมๆ ยาวๆ คล้ายแหนมเนืองหรือหมูสะเต๊ะญวน สนนราคาย่อมเยาเพียงไม้ละ 6 บาท กินคู่กับข้าวเหนียวร้อนๆ ที่ขายถุงละ 5 บาท แค่แทะหมูปิ้งเข้าไปเพียงคำแรกก็รู้ซึ้งถึงความนุ่มชุ่มฉ่ำและความหอมหวานได้เป็นอย่างดี แทบไม่ต้องออกแรงเคี้ยวเลย

แม่สุนีย์เขาใช้เนื้อหมูสันในอย่างดีมาบดมาสับและเอามาผสมกัน ซึ่งถ้าบดอย่างเดียวเนื้อที่ได้จะเละเกินไป เท่านี้ยังไม่พอยังผสมมันหมูเข้าไปด้วย แล้วจะไม่นุ่มหอมมันได้อย่างไร

กรรมวิธีการปิ้งก็สำคัญเช่นกัน ต้องปิ้งด้วยไฟอ่อนๆ อย่างใจเย็นนานนับ 10 นาที ข้างในจะได้สุกกำลังดีโดยที่ด้านนอกไม่ไหม้เสียก่อน ปิ่นโตเถาเล็กมีเคล็ดลับมาฝาก เจ้านี้เขาไม่มีน้ำจิ้มหมูปิ้งที่ใส่พริกป่น ให้หามาจากที่อื่น รับรองเข้ากันดีและอร่อยเด็ดยิ่งขึ้นไปอีกเพราะจะมีความเค็มความเผ็ดเพิ่มด้วย ส่วนข้าวเหนียวนั้นนุ่มแสนนุ่มกินกับหมูปิ้งแล้วเพลินหยุดไม่ได้ ลูกค้าขาประจำที่มายืนซื้ออยู่ข้างๆ ถึงกับเอ่ยปากรับประกันว่า ทิ้งไว้ทั้งวันก็ยังนุ่มอยู่

แม่สุนีย์บอกว่า ถ้าวันไหนสบายๆ (ขอย้ำว่าสบายๆ) จะตื่นตี 3 มาเตรียมของ แต่ถ้ามีคนสั่งล่วงหน้ามากๆ ต้องเริ่มทำตั้งแต่เที่ยงคืน หรือบางครั้งเตรียมข้ามวันเลยก็มี

ดังนั้น ใครคิดจะสั่งเอาไปร่วมงานเลี้ยง กรุณาโทร.แจ้งล่วงหน้าสักวันสองวัน จักเป็นพระคุณยิ่งจ้ะ

ข้อมูล

ทับทิมกรอบ

โดย คุณดวงพร จิรภัตตานนท์

ที่ตั้ง 184 ถนนลาดหญ้า แขวงคลองสาน เขตคลองสาน กรุงเทพฯ 10600

โทร.0-2438-2118, 0-2437-8077, 08-9500-8748

เปิดบริการ 09.00-21.00 น. ทุกวัน

หยุด ทุกวันพุธที่ 4 ของเดือน

แนะนำ ทับทิมกรอบ

หมูปิ้งลาดหญ้าซอย 2 (ไม่มีป้ายชื่อร้าน)

โดย แม่สุนีย์

ที่ตั้ง ริมซอยลาดหญ้า 2 หน้าสินชัยเกรทเฮาส์ ถนนลาดหญ้า แขวงคลองสาน เขตคลองสาน กรุงเทพฯ 10600

โทร.08-7826-4873

เปิดบริการ 06.00-10.00 น. ทุกวัน บางวันหมดตั้งแต่ 08.30 หรือ 09.00 น.

หยุด เมื่อมีธุระ

แนะนำ หมูปิ้ง

พล่ากุ้ง


พล่ากุ้ง หรือจะยำกุ้งก็แล้วแต่จะเรียก

เครื่องปรุง
user posted image
กุ้งกุลาดำ นับๆดูวันนี้ใช้ ๑๕ ตัว
น้ำพริกเผาแม่อะไรก็ได้ตามชอบ
หัวหอมเล็ก
ตะไคร้ซอย
ใบมกรูดหั่นฝอย ไม่มีก็ไม่เป็นไรค่ะ แต่ใส่ด้วยจะหอมๆ
ผักชี
น้ำมะนาว
น้ำปลา
น้ำตาลทรายนิดนึง (ไม่ชอบไม่ต้องใส่ ชิมก่อน)
สะระแหน่

วิธีทำ

◊ กุ้งสด ลวกน้ำร้อน ใส่ชามแก้วไว้
◊ ตะไคร้ซอย หอมแดงซอย พริกขี้หนูสดทุบแล้วสับ
◊ ใส่ต้นหอม ผักชี สะระแหน่ บีบมะนาว น้ำปลา ชิมรสตามชอบ
◊ ซอยกะหล่ำปลีเป็นฝอยๆ แล้ววางรอแผ่ที่ก้นจาน เทกุ้งพล่าลงบนกะหล่ำปลี แต่งด้วยยอดสะระแหน่
◊ จานนี้เครื่องทุกอย่างประมาณเอาเองแล้วแต่ชอบมาก ชอบน้อย
user posted image

เรื่องไข่ๆ กินแค่ไหนถึงจะพอดี

ไข่ฟองกลมๆ เหล่านี้จะช่วยรักษารูปร่างคุณให้ดี หรือส่งผลร้ายต่อสุขภาพของคุณกันแน่

ไข่

น้อยกว่า 3 ฟองต่อสัปดาห์ ..... ไม่เพียงพอ

การไม่ทานไข่อาจส่งผลเสียต่อเส้นประสาทสมองได้นะ ไข่ฟองเล็กๆ หนึ่งฟอง มีปริมาณวิตามินบี 12 ซึ่งดีต่อร่างกายมากกว่าปริมาณมาตรฐานที่แนะนำ ให้บริโภคต่อวันเสียอีก "วิตามินบี 12 จำเป็นต่อการสร้างเยื่อหุ้มป้องกันเส้นใยประสาท" อะแมนดา เออร์เซลล์ นักโภชนาการและผู้เขียนหนังสือ Complete Guide to Healing Foods กล่าว "ถ้าขาดวิตามิน เส้นใยประสาทอาจถูกทำลายจนฟื้นฟูกลับคืนมาไม่ได้"

นอกจากนี้ไข่ยังดีต่อสายตาคุณโดยเมื่อไม่นานมานี้มีผลการศึกษาจากอเมริกาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Nutrition ได้ค้นพบว่า การทานไข่อย่างน้อย 3 ฟองต่อสัปดาห์จะช่วยป้องกันภาวะสูญเสียสายตาที่มักเกิดขึ้นเมื่ออายุเพิ่มขึ้นได้ เพราะสารลูทีนและซีแซนทีนซึ่งเป็นสารรงควัตถุในตระกูลแคโรทีนอยด์ ในไข่แดงจะช่วยบำรุงจอประสาทตานั่นเอง



6 ฟองต่อสัปดาห์ ..... ปริมาณที่พอดี

ไข่เจียวถือเป็นยาบำรุงร่างกายได้เลย เพราะนอกจากไข่จะช่วยให้ร่างกายคุณดูดซึมแคลเซียมได้ดีแล้ว ยังช่วยลดปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคกระดูกพรุน แถมปริมาณสารซีลีเนียมและวิตามินอี ในไข่ยังช่วยป้องกันโรคหัวใจ ทั้งยังช่วยป้องกันไม่ให้คุณมีหุ่นกลมเป็นไข่อีกด้วย ผลวิจัยจากมหาวิทยาลัยหลุยส์เซียนาสเตท พบว่า คนที่ทานมื้อเช้าโดยมีไข่เป็นส่วนประกอบ จะลดน้ำหนักได้มากกว่าคนที่ไม่ทานไข่ในมื้อเช้าได้ถึง 65 เปอร์เซ็นต์ เมื่อบริโภคแคลอรี่ในปริมาณที่เท่ากัน


"โปรตีนในไข่จะทำให้คุณรู้สึกอิ่มขึ้น ถึง 50 เปอร์เซนต์ และยังทำให้คุณลดปริมาณมื้อเที่ยงที่ทานโดยเฉลี่ยได้อีก 164 แคลอรี่" นิคิล ดูเรนดาร์ ผู้เขียนงานวิจัยกล่าว แต่ถ้าคุณอยากสร้างกล้ามเนื้อก็ไม่ต้องกังวล เพราะงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยเทกซัสเอแอนด์เอ็ม พบว่า การทานไข่วันละ 3 ฟอง เป็นเวลา 2 วัน ต่อสัปดาห์จะช่วยหนุ่มนักเล่นเวตทั้งหลายสร้างกล้ามเนื้อที่ปราศจากไขมันได้เป็น 2 เท่าในช่วงเวลา 12 สัปดาห์ แล้วเรื่องคอเลสเตอรอลที่เล่าลือกันล่ะ "จริงค่ะ ไข่มีคอเรสเตอรอล" พาเมลา ไดสัน นักโภชนาการแห่งสมาคมโภชนาการประจำสหราชอาณาจักร กล่าว

"แต่จัดว่ามีผลน้อยมากต่อการเพิ่มระดับ คอลเรสเตอรอลในเลือด เมื่อเทียบกับปริมาณไขมันอิ่มตัวที่คุณบริโภคอยู่ทุกวัน" นอกจากนี้ผลการวิจัยเมื่อไม่นานมานี้ ของมหาวิทยาลัยคอนเนติคัตยัง พบว่า การทานไข่ช่วยลดคอเรสเตอรอล LDL (ไม่ดี) เพิ่มคอเรสเตอรอล HDL (ดี) และลดปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจวายหรือโรคหลอดเลือดสมองได้


6 ฟองต่อสัปดาห์ ..... ปริมาณที่พอดี

ตามรายงานที่ตีพิมพ์ในวารสาร American Journal of Clinical Nutrution ไข่ที่ให้ผลดีต่อร่างกาย อาจส่งผลร้านได้เหมือนกัน ถ้าคุณทานมากกว่า 1 ฟองต่อวัน ติดกัน ทุกวัน "ขณะที่การทานไข่สูงสุด 6 ฟองต่อสัปดาห์ไม่ได้ทำให้มีอันตรายถึงชีวิต ในทางตรงกันข้ามการทานไข่ 7 ฟองหรือมากกว่านั้นภายใน 1 สัปดาห์ จะไปเพิ่มปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้ 23 เปอร์เซนต์" ดร.ไมเคิล กาเซียโน แห่งคณะแพทยศาสตร์ของฮาร์วาร์ด ซึ่งเป็นผู้เขียนรายงานการวิจัย กล่าวว่า ที่สำคัญคือ สำหรับหนุ่มที่เป็นเบาหวานอยู่แล้ว ไข่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้ ดังนั้นคำพูดที่ว่าทานไข่วันละฟองอาจทำให้คุณไม่ป่วยไข้และห่างไกลหมอ ข้อนี้เฉพาะในกรณีที่คุณตรวจสุขภาพเป็นประจำ และร่างกายแข็งแรงอยู่แล้วเท่านั้น


อ่านต่อ เคล็ดไม่ลับเพื่อสุขภาพ
ที่มาจาก variety.mcot.net

วันจันทร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ยำส้มโอ - นำหนึ่ง ร้านสีฟ้า นครชัยศรี

"ยำส้มโอ"นำหนึ่ง ร้านสีฟ้า นครชัยศรี

อิ่มอร่อย




ไปเที่ยวตลาดท่านา ริมแม่น้ำนครชัยศรี หรือแม่น้ำท่าจีน นอกจากได้ชมวิวสวยสบายตาและเป็นแหล่งอนุรักษ์วิถีชีวิตดั้งเดิมตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 ไม่ว่าจะเป็นอาคารบ้านเรือน ที่เป็นห้องแถวไม้ ยังเป็นแหล่งรวมอาหารนานาชนิด เช่น ก๋วยเตี๋ยวแคะ ขนมปังเย็น เค้กส้มโอ ขนมมาม่อนจัง ฯลฯ

"สีฟ้า" ร้านอาหารไทยพื้นบ้าน เป็นอีกหนึ่งตำนานของท่านา ที่ซ่อนตัวอยู่ริมน้ำนครชัยศรี

กำนันแก้ว หรือ กำนันไชยยา ชัยศิลปีชีวะ กำนันตำบลนครชัยศรี เจ้า ของร้านสีฟ้า เล่าว่า เดิมที ที่ตั้งร้านอยู่ปัจจุบันเป็นโรงฝิ่น หลังจากที่รัฐบาลยุคนั้นปราบ ปรามฝิ่นอย่างเด็ดขาด จึงทำให้เจ้าของโรงฝิ่นขายบ้านและที่ดินตรงนี้ต่อให้เตี่ย

หลังจากนั้นเตี่ยได้ใช้ที่ตรงนี้ ปรับปรุงเป็นร้านอาหาร ชื่อ "ศิริรสโภชนา" เป็นกิจการกงสี เปิดขายอยู่ประมาณ 50 ปี จากนั้นบรรดาพี่น้องก็เริ่มหันไปทำธุรกิจอื่นแทน ทำให้ศิริรสต้องปิดตัวลง แต่กำนันแก้วก็ยังอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้โดยทาสีบ้านทั้งหลังเป็นสีฟ้า และขายส้มโอ ซึ่งเป็นผลผลิตจากสวน

ต่อมา กำนันแก้วแต่งงานกับ นางภิรมย์ ชัยศิลปีชีวะ หรือ เจ๊ต้อม ในช่วงที่ฝ่ายหญิงลาออกจากงานประจำที่กรุงเทพฯ แล้วมาขายส้มโอด้วย เจ๊ต้อมจึงตัดสินใจที่จะทำร้านอาหารตรงนี้ขึ้นมาอีกครั้ง โดยใช้ชื่อว่าร้าน "สีฟ้า" เพราะบ้านทาสีฟ้า อีกทั้งเวลาที่ลูกค้ามาซื้อส้มโอ ก็จะเรียกกันต่อๆ ว่า ร้านสีฟ้า



จากวันนั้นถึงวันนี้ สีฟ้าเปิดบริการมาได้ 15 ปี แล้ว อาหารชูโรงหรือ "นำหนึ่ง" ได้แก่ "ยำส้มโอ" ที่เป็นทั้งอาหารว่าง อาหารกับ แกล้ม และอาหารกินกับข้าว

ยำส้มโอ ส้มโอที่ใช้ทำจะเป็นส้มโอพันธุ์ขาวน้ำผึ้ง โดยจะเก็บนอกฤดู หรือก่อนอายุ ส้มโอออกรสเปรี้ยวเหมาะกับการทำยำ จากนั้นใส่ปลาหมึกแห้ง หอมแดง มะพร้าวคั่ว

เดิมทียำส้มโอเป็นอาหารที่ทำกินในครอบครัว พอเปิดร้านจึงใส่ในเมนูด้วย ส่วนใหญ่ลูกค้าที่มา มักสั่งยำส้มโอเป็นอันดับแรก

เมนูฮิตต่อมาได้แก่ "กุ้งแม่น้ำทอดกระ เทียม" ฟังดูอาจพื้นๆ แต่รสชาติไม่พื้น กุ้งที่ใช้เป็นกุ้งแม่น้ำนครชัยศรีแท้ๆ ไม่ใช่กุ้งเลี้ยง ชาวบ้านในละแวกนี้จะมีอาชีพประมง จับสัตว์น้ำในแม่น้ำมาขาย ส่งให้ทุกวัน

กุ้งแม่น้ำแท้ๆ เนื้อจะแน่น รสชาติอร่อยกว่ากุ้งเลี้ยง เมื่อทอดและปรุงรสด้วยซอส สูตรที่คิดค้นขึ้นมาเอง โรยด้วยพริกไทย ยิ่งเพิ่มความหอมและอร่อยอย่าบอกใคร



"ปลาช่อนเกยตื้น" เป็นจานที่น่าตื่นตาตื่นใจเช่นกัน ปลาช่อนที่นี่จะใช้ปลาช่อนนา หรือปลาช่อนสวนแท้ๆ ไม่ใช่ปลาช่อนเลี้ยง

เมื่อทอดในน้ำมันเดือดๆ เนื้อปลาจะกรอบนอก นุ่มใน สูตรของที่นี่ไม่ราดน้ำจิ้ม หรือซอส แต่มีผัดมะเขือยาวเป็นเครื่องเคียง เป็นสูตรโบราณของที่บ้าน และมีน้ำจิ้มอีกถ้วยคู่กัน ใส่ใบมะกรูดซอย หอมแดง กระเทียม พริกทอด

"ต้มส้มปลากระบอก" รสชาติหวานนำ เปรี้ยวตาม รสหวานคือหวานเนื้อปลา ส่วนรสเปรี้ยวมาจากน้ำส้มมะ ขาม จะใส่รากบัว และหอมแดงลงไปด้วย ปลากระบอกที่ใช้เป็นปลาจากมหาชัย ใช้ปลาจากเรือเล็กของชาวประมง เวลาที่จับได้จะขึ้นฝั่งทันที ที่ไม่ใช้ปลาของเรือใหญ่ เพราะเวลาที่เรือใหญ่จับปลาได้ จะแช่ปลาไว้ที่ช่อง ฟรีซหลายวันกว่าจะกลับเข้าฝั่ง ทำให้เนื้อปลาไม่สดจริง

"หอยหลอดผัดฉ่า" เป็นหอยหลอดจากแม่กลอง เน้นความสดวันต่อวัน ปรุงรสด้วย กระชาย พริกไทย มะเขือพวง และสมุนไพรอีกหลายชนิด รสชาติจัดจ้าน เข้มข้น

"ห่อหมกปลาช่อนใบยอ" เป็นปลาช่อนนา ปลาช่อนสวน เวลาทำอาหารจะไม่เหม็นคาว เนื้อแน่น ผสมเนื้อปลาช่อนกับเครื่องแกงใส่กระชายลงไปด้วย ก่อนเทส่วนผสมทั้งหมดลงไปในกระทง รองด้วยใบยอ เจ๊ต้อมกล่าวว่า ห่อหมกปลาช่อน เป็นสูตรโบราณแท้ เพราะคนทำคือแม่ของตน อายุเกือบ 80 ปีแล้ว คุณยายจะทำมาส่งทุกเช้า

ตบท้ายที่ของหวาน คือผลไม้ขึ้นชื่อของถิ่นนี้ ส้มโอ พันธุ์ขาวน้ำผึ้ง นอกจากนี้ยังมีคุณยายชาวสวนพายเรือขายผลไม้มาเทียบที่ร้านอาหาร ในเรือนั้นมีผลไม้ต่างๆ อาทิ ลูกหว้า กล้วยน้ำว้าสวน มะพร้าวน้ำหอม มะกรูด และผักสวนครัวนานาชนิด

บรรยากาศระหว่างนั่งกินอาหาร ดูสายน้ำและสะพานทางรถไฟ ลมแม่น้ำที่เย็นสบาย กำนันไชยยากล่าวปิดท้ายว่า อาหารทุกอย่างที่นี่ทำด้วยใจ ไม่ได้หวังเงินทองมากมาย ราคาจึงไม่แพงอย่างที่คิด อาหารที่ทำเน้นสมุนไพรเป็นหลัก เพราะต้องการอนุรักษ์อาหารไทยไว้

ร้านสีฟ้า ตั้งอยู่ที่ตลาดท่านา อ.นครชัยศรี จ.นคร ปฐม ริมแม่น้ำนครชัยศรี หากขับรถมาจากกรุงเทพฯ ให้วิ่งเส้นบรมราชชนนี มุ่งหน้านครปฐม ก่อนเข้าตัวจังหวัดนครปฐม จะพบสามแยกนครชัยศรี ให้เลี้ยวขวา ไปจนสุดทางก็จะเจอตลาดท่านา โทร. 0-3433-1233, 0-3433-3465

วันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ยำมะระกุ้งสด

ส่วนผสม

มะระ 1/2 ลูก
กุ้งแชบ๊วย 5 ตัว
หอมแดงซอย 3 หัว
พริกขี้หนู 5 เม็ด
น้ำมะนาว 1 ช้อน
น้ำปลา 1 ช้อน
น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนโต๊ะ
มะเขือเทศ
ผักกาดหอม
แครอทหั่นฝอย ตกแต่งจาน







วิธีทำ

1.นำมะระที่ผ่าครึ่งตามแนวนอนแล้วหั่นบางๆ ลงลวกในน้ำเดือดจนสุก แล้วตักออกพักไว้
จากนั้นเอากุ้งแชบ๊วยที่ผ่าหลังทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วลงไปลวกให้สุกเช่นกัน

2.เสร็จแล้วมาจัดการกับเครื่องปรุง ตำพริกขี้หนูใส่ลงไป แล้วนำเอาเครื่องปรุงส่วนผสมอื่นๆ
มาใส่รวมกัน คลุกกับกุ้งและมะระให้ทั่ว ชิมรสชาติให้กลมกล่อม ออกรสเปรี้ยว หวาน เค็ม
ตกแต่งจานด้วยมะเขือเทศ ผักกาดหอม และแครอท แล้วเสิร์ฟได้ทันที

ข่าวเด่น-ข่าวด่วน