วันพุธที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ส้มตำยอดมะพร้าว



ส่วนผสม

ยอดมะพร้าว
น้ำตาลปีบ
น้ำปลา
น้ำมะนาว
กุ้งแห้ง
ถั่วลิสงคั่ว
พริกขี้หนู
มะเขือเทศฝานเป็นชิ้น ๆ

วิธีทำ

นำยอดมะพร้าวมาหั่นให้เป็นเส้น ๆ จากนั้นนำไปแช่น้ำแข็งทิ้งไว้จนกว่าจะรับประทาน

เมื่อ จะรับประทาน จึงทำน้ำปรุงรส โดยละลายน้ำตาลปีบ น้ำปลาและน้ำมะนาว คนให้เข้ากัน ชิมดูให้ได้ 3 รส จากนั้นจึงใส่กุ้งแห้ง ถั่วลิสงบุบพอแตก และ พริกขี้หนูบุบพอแตกลงไป คนให้เข้ากันอีกครั้ง

นำยอดมะพร้าว อ่อนที่แช่น้ำแข็งไว้ ใส่ชามผสม ใส่น้ำปรุงรสที่เตรียมไว้ลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากัน ก่อนตักใส่จานเสิร์ฟก็ใส่มะเขือเทศฝานเป็นชิ้น ๆ ลงไปเคล้าให้เข้ากัน เสิร์ฟพร้อมผักสด

ของอร่อยวงเวียนใหญ่ ทับทิมกรอบและหมูปิ้ง

คอลัมน์ ตามรอยพ่อไปชิม

โดย ปิ่นโตเถาเล็ก




ปิ่นโตเถาเล็กขอพาบรรดาแฟนๆ ไปเยือนถิ่นเก่าด้านฝั่งธนบุรีที่ "วงเวียนใหญ่" ขึ้นชื่อย่านเก่า ย่อมต้องมีผู้คนมาปักหลักอาศัยอยู่เป็นเวลาช้านาน เป็นธรรมดาที่จะมีของอร่อยให้ลิ้มลองเพียบ วันนี้จึงแนะนำขนมและของกินเล่นควบคู่กันไปในคราวเดียวเสียเลย

ขอเปิดฉากด้วยเจ้าขนมน้ำกะทิน้ำแข็งใส ซึ่งขึ้นชื่อโด่งดังในย่านนี้มานานนับ 31 ปี ถึงขนาดตั้งชื่อร้านตรงตัวว่า "ทับทิมกรอบ" ซะเลย

ร้านนี้เพื่อนสนิทของข้าพเจ้า เขามีความหลังครั้งยังเป็นนักเรียนใส่ขาสั้น เวลาปิ่นโตเถาเล็กข้ามฝั่งไปเที่ยวบ้านเพื่อนพวกนี้ เจ้าเต๊ะเจ้าเก่งยังเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่พามาชิมทับทิมกรอบอีกด้วย ความลับมีอยู่ว่านอกจากความอร่อยแล้ว ยังขึ้นชื่อเรื่องความจิ้มลิ้มพริ้มเพราของลูกหลานอีกต่างหาก แฮ่ม แต่ตอนนี้เจ้าตัวเขาย้ายนิวาสสถานไปอยู่เมืองนอกแล้วนะจ๊ะ

ร้านทับทิมกรอบอยู่ "ริมถนนลาดหญ้า ใกล้กับ ซอยลาดหญ้า 2" เยื้องกับห้างโรบินสัน ถนนลาดหญ้า ใกล้กับวงเวียนใหญ่ ข้างหน้าร้านตั้งตู้ขนม เห็นทับทิมกรอบสีชมพูอมส้มในชามแก้วใบยักษ์ดูน่ากิน กระตุ้นต่อมความอยากได้ชะงัด

ทับทิมกรอบเจ้านี้เขาปั้นกันวันต่อวัน ช่วงเช้าก่อนเปิดร้าน ตัวแป้งนุ่มอร่อยไม่เหนียวหนึบจนเกินไป ส่วนไส้ในที่เป็นแห้วนั้นกรอบอร่อยเสียจริงๆ และเป็นอย่างนี้ทุกเม็ดด้วย น้ำกะทิหอมมันแต่ไม่มันจนเลี่ยน เคี้ยวน้ำแข็งใสตามเข้าไปหอมเย็นชื่นใจ



ของโปรดในถ้วยอีกอย่างคือ "มะพร้าวแก้ว" ที่เลือกใช้มะพร้าวกะทิจากทางใต้เอามาเชื่อมให้ออกมาใสๆ มีความหอมมันเป็นอย่างยิ่ง และยังมี "แห้วเชื่อม" ที่คัดแต่แห้วแก่มาทำ กรอบอร่อยเสียจริง สนนราคาทับทิมกรอบถ้วยละ 20 บาท (พิเศษ 30 บาท) ไม่ว่าจะเลือกใส่แห้วเชื่อมหรือมะพร้าวแก้ว หรือทั้ง 2 อย่างก็คิดเท่ากัน ยกเว้นมะพร้าวแก้วล้วนอย่างเดียวคิด 30 บาท นอกจากนี้ยังมีซ่าหริ่มขายด้วยคิดถ้วยละ 20 บาท แต่ถ้าผสมกับทับทิมกรอบหรือเครื่องอื่นๆ จะคิดเพิ่มเป็น 30 บาท

และถ้าบรรดาแฟนๆ มีนิสัยชอบตื่นแต่เช้า ยิ่งดีใหญ่ ให้มาที่ "ซอยลาดหญ้า 2" (จะขึ้นรถไฟฟ้าบีทีเอสข้ามฝั่งธนฯไปลงที่วงเวียนใหญ่แล้วต่อรถตุ๊กๆ มาก็สะดวกดี) ในซอยนี้มีเจ้า "หมูปิ้งรถเข็น" (ไม่มีป้ายชื่อ) ที่ความนุ่มหอมมันของหมูปิ้งนั้นอร่อยเด็ดขาดเกินความคาดหมาย

เข้าจากปากซอยด้านถนนลาดหญ้าเพียงไม่ถึง 100 เมตร ก็จะเห็นรถเข็นของ "แม่สุนีย์" อยู่ริมซอยหน้าสินชัยเกรทเฮาส์ เคียงคู่กับร้านโจ๊กรถเข็น แต่ถ้าเข้าอีกด้านจากถนนเจริญรัถ ซอยนี้จะเปลี่ยนชื่อเป็น "เจริญรัถ 1" ซึ่งเป็นซอยรถเดินทางเดียวไปออกปากซอยลาดหญ้า 2



เดิมแม่สุนีย์มีอาชีพขายผ้าอยู่ที่ตลาดนัดสนามหลวง จากนั้นจึงหันมาขายหมูปิ้งตั้งแต่ปี 2533 จนกระทั่งบัดนาว ทุกๆ วันแม่สุนีย์จะเข็นรถออกขายเช้าตรู่ตอนหกโมงเช้าไปจนถึงสายๆ เวลา 10 โมง แต่ถ้าวันไหนขายดีเอามากๆ เพียง 8โมงครึ่ง หรือ 9 โมง ก็หมดเกลี้ยงแล้ว ทางที่ดีให้แวะมาชิมก่อนเคารพธงชาติเป็นดีที่สุด

หน้าตาหมูปิ้งไม่ได้เป็นแบนๆ ยาวๆ อย่างที่เห็นทั่วไป แต่เป็นหมูปิ้งเสียบไม้ก้อนอวบอ้วนกลมๆ ยาวๆ คล้ายแหนมเนืองหรือหมูสะเต๊ะญวน สนนราคาย่อมเยาเพียงไม้ละ 6 บาท กินคู่กับข้าวเหนียวร้อนๆ ที่ขายถุงละ 5 บาท แค่แทะหมูปิ้งเข้าไปเพียงคำแรกก็รู้ซึ้งถึงความนุ่มชุ่มฉ่ำและความหอมหวานได้เป็นอย่างดี แทบไม่ต้องออกแรงเคี้ยวเลย

แม่สุนีย์เขาใช้เนื้อหมูสันในอย่างดีมาบดมาสับและเอามาผสมกัน ซึ่งถ้าบดอย่างเดียวเนื้อที่ได้จะเละเกินไป เท่านี้ยังไม่พอยังผสมมันหมูเข้าไปด้วย แล้วจะไม่นุ่มหอมมันได้อย่างไร

กรรมวิธีการปิ้งก็สำคัญเช่นกัน ต้องปิ้งด้วยไฟอ่อนๆ อย่างใจเย็นนานนับ 10 นาที ข้างในจะได้สุกกำลังดีโดยที่ด้านนอกไม่ไหม้เสียก่อน ปิ่นโตเถาเล็กมีเคล็ดลับมาฝาก เจ้านี้เขาไม่มีน้ำจิ้มหมูปิ้งที่ใส่พริกป่น ให้หามาจากที่อื่น รับรองเข้ากันดีและอร่อยเด็ดยิ่งขึ้นไปอีกเพราะจะมีความเค็มความเผ็ดเพิ่มด้วย ส่วนข้าวเหนียวนั้นนุ่มแสนนุ่มกินกับหมูปิ้งแล้วเพลินหยุดไม่ได้ ลูกค้าขาประจำที่มายืนซื้ออยู่ข้างๆ ถึงกับเอ่ยปากรับประกันว่า ทิ้งไว้ทั้งวันก็ยังนุ่มอยู่

แม่สุนีย์บอกว่า ถ้าวันไหนสบายๆ (ขอย้ำว่าสบายๆ) จะตื่นตี 3 มาเตรียมของ แต่ถ้ามีคนสั่งล่วงหน้ามากๆ ต้องเริ่มทำตั้งแต่เที่ยงคืน หรือบางครั้งเตรียมข้ามวันเลยก็มี

ดังนั้น ใครคิดจะสั่งเอาไปร่วมงานเลี้ยง กรุณาโทร.แจ้งล่วงหน้าสักวันสองวัน จักเป็นพระคุณยิ่งจ้ะ

ข้อมูล

ทับทิมกรอบ

โดย คุณดวงพร จิรภัตตานนท์

ที่ตั้ง 184 ถนนลาดหญ้า แขวงคลองสาน เขตคลองสาน กรุงเทพฯ 10600

โทร.0-2438-2118, 0-2437-8077, 08-9500-8748

เปิดบริการ 09.00-21.00 น. ทุกวัน

หยุด ทุกวันพุธที่ 4 ของเดือน

แนะนำ ทับทิมกรอบ

หมูปิ้งลาดหญ้าซอย 2 (ไม่มีป้ายชื่อร้าน)

โดย แม่สุนีย์

ที่ตั้ง ริมซอยลาดหญ้า 2 หน้าสินชัยเกรทเฮาส์ ถนนลาดหญ้า แขวงคลองสาน เขตคลองสาน กรุงเทพฯ 10600

โทร.08-7826-4873

เปิดบริการ 06.00-10.00 น. ทุกวัน บางวันหมดตั้งแต่ 08.30 หรือ 09.00 น.

หยุด เมื่อมีธุระ

แนะนำ หมูปิ้ง

พล่ากุ้ง


พล่ากุ้ง หรือจะยำกุ้งก็แล้วแต่จะเรียก

เครื่องปรุง
user posted image
กุ้งกุลาดำ นับๆดูวันนี้ใช้ ๑๕ ตัว
น้ำพริกเผาแม่อะไรก็ได้ตามชอบ
หัวหอมเล็ก
ตะไคร้ซอย
ใบมกรูดหั่นฝอย ไม่มีก็ไม่เป็นไรค่ะ แต่ใส่ด้วยจะหอมๆ
ผักชี
น้ำมะนาว
น้ำปลา
น้ำตาลทรายนิดนึง (ไม่ชอบไม่ต้องใส่ ชิมก่อน)
สะระแหน่

วิธีทำ

◊ กุ้งสด ลวกน้ำร้อน ใส่ชามแก้วไว้
◊ ตะไคร้ซอย หอมแดงซอย พริกขี้หนูสดทุบแล้วสับ
◊ ใส่ต้นหอม ผักชี สะระแหน่ บีบมะนาว น้ำปลา ชิมรสตามชอบ
◊ ซอยกะหล่ำปลีเป็นฝอยๆ แล้ววางรอแผ่ที่ก้นจาน เทกุ้งพล่าลงบนกะหล่ำปลี แต่งด้วยยอดสะระแหน่
◊ จานนี้เครื่องทุกอย่างประมาณเอาเองแล้วแต่ชอบมาก ชอบน้อย
user posted image

เรื่องไข่ๆ กินแค่ไหนถึงจะพอดี

ไข่ฟองกลมๆ เหล่านี้จะช่วยรักษารูปร่างคุณให้ดี หรือส่งผลร้ายต่อสุขภาพของคุณกันแน่

ไข่

น้อยกว่า 3 ฟองต่อสัปดาห์ ..... ไม่เพียงพอ

การไม่ทานไข่อาจส่งผลเสียต่อเส้นประสาทสมองได้นะ ไข่ฟองเล็กๆ หนึ่งฟอง มีปริมาณวิตามินบี 12 ซึ่งดีต่อร่างกายมากกว่าปริมาณมาตรฐานที่แนะนำ ให้บริโภคต่อวันเสียอีก "วิตามินบี 12 จำเป็นต่อการสร้างเยื่อหุ้มป้องกันเส้นใยประสาท" อะแมนดา เออร์เซลล์ นักโภชนาการและผู้เขียนหนังสือ Complete Guide to Healing Foods กล่าว "ถ้าขาดวิตามิน เส้นใยประสาทอาจถูกทำลายจนฟื้นฟูกลับคืนมาไม่ได้"

นอกจากนี้ไข่ยังดีต่อสายตาคุณโดยเมื่อไม่นานมานี้มีผลการศึกษาจากอเมริกาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Nutrition ได้ค้นพบว่า การทานไข่อย่างน้อย 3 ฟองต่อสัปดาห์จะช่วยป้องกันภาวะสูญเสียสายตาที่มักเกิดขึ้นเมื่ออายุเพิ่มขึ้นได้ เพราะสารลูทีนและซีแซนทีนซึ่งเป็นสารรงควัตถุในตระกูลแคโรทีนอยด์ ในไข่แดงจะช่วยบำรุงจอประสาทตานั่นเอง



6 ฟองต่อสัปดาห์ ..... ปริมาณที่พอดี

ไข่เจียวถือเป็นยาบำรุงร่างกายได้เลย เพราะนอกจากไข่จะช่วยให้ร่างกายคุณดูดซึมแคลเซียมได้ดีแล้ว ยังช่วยลดปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคกระดูกพรุน แถมปริมาณสารซีลีเนียมและวิตามินอี ในไข่ยังช่วยป้องกันโรคหัวใจ ทั้งยังช่วยป้องกันไม่ให้คุณมีหุ่นกลมเป็นไข่อีกด้วย ผลวิจัยจากมหาวิทยาลัยหลุยส์เซียนาสเตท พบว่า คนที่ทานมื้อเช้าโดยมีไข่เป็นส่วนประกอบ จะลดน้ำหนักได้มากกว่าคนที่ไม่ทานไข่ในมื้อเช้าได้ถึง 65 เปอร์เซ็นต์ เมื่อบริโภคแคลอรี่ในปริมาณที่เท่ากัน


"โปรตีนในไข่จะทำให้คุณรู้สึกอิ่มขึ้น ถึง 50 เปอร์เซนต์ และยังทำให้คุณลดปริมาณมื้อเที่ยงที่ทานโดยเฉลี่ยได้อีก 164 แคลอรี่" นิคิล ดูเรนดาร์ ผู้เขียนงานวิจัยกล่าว แต่ถ้าคุณอยากสร้างกล้ามเนื้อก็ไม่ต้องกังวล เพราะงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยเทกซัสเอแอนด์เอ็ม พบว่า การทานไข่วันละ 3 ฟอง เป็นเวลา 2 วัน ต่อสัปดาห์จะช่วยหนุ่มนักเล่นเวตทั้งหลายสร้างกล้ามเนื้อที่ปราศจากไขมันได้เป็น 2 เท่าในช่วงเวลา 12 สัปดาห์ แล้วเรื่องคอเลสเตอรอลที่เล่าลือกันล่ะ "จริงค่ะ ไข่มีคอเรสเตอรอล" พาเมลา ไดสัน นักโภชนาการแห่งสมาคมโภชนาการประจำสหราชอาณาจักร กล่าว

"แต่จัดว่ามีผลน้อยมากต่อการเพิ่มระดับ คอลเรสเตอรอลในเลือด เมื่อเทียบกับปริมาณไขมันอิ่มตัวที่คุณบริโภคอยู่ทุกวัน" นอกจากนี้ผลการวิจัยเมื่อไม่นานมานี้ ของมหาวิทยาลัยคอนเนติคัตยัง พบว่า การทานไข่ช่วยลดคอเรสเตอรอล LDL (ไม่ดี) เพิ่มคอเรสเตอรอล HDL (ดี) และลดปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจวายหรือโรคหลอดเลือดสมองได้


6 ฟองต่อสัปดาห์ ..... ปริมาณที่พอดี

ตามรายงานที่ตีพิมพ์ในวารสาร American Journal of Clinical Nutrution ไข่ที่ให้ผลดีต่อร่างกาย อาจส่งผลร้านได้เหมือนกัน ถ้าคุณทานมากกว่า 1 ฟองต่อวัน ติดกัน ทุกวัน "ขณะที่การทานไข่สูงสุด 6 ฟองต่อสัปดาห์ไม่ได้ทำให้มีอันตรายถึงชีวิต ในทางตรงกันข้ามการทานไข่ 7 ฟองหรือมากกว่านั้นภายใน 1 สัปดาห์ จะไปเพิ่มปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้ 23 เปอร์เซนต์" ดร.ไมเคิล กาเซียโน แห่งคณะแพทยศาสตร์ของฮาร์วาร์ด ซึ่งเป็นผู้เขียนรายงานการวิจัย กล่าวว่า ที่สำคัญคือ สำหรับหนุ่มที่เป็นเบาหวานอยู่แล้ว ไข่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้ ดังนั้นคำพูดที่ว่าทานไข่วันละฟองอาจทำให้คุณไม่ป่วยไข้และห่างไกลหมอ ข้อนี้เฉพาะในกรณีที่คุณตรวจสุขภาพเป็นประจำ และร่างกายแข็งแรงอยู่แล้วเท่านั้น


อ่านต่อ เคล็ดไม่ลับเพื่อสุขภาพ
ที่มาจาก variety.mcot.net

ข่าวเด่น-ข่าวด่วน